วิธีแทรกโฆษณา AdSense ระหว่างบทความใน Blogger
มีขั้นตอน ดังนี้
1. Login เข้าไปยัง Blogger และคลิกที่ รูปแบบ (layout)
2. ในแถบ Page Element ให้คลิกที่ Edit ในส่วนของ Blog Post
3. ในหน้าต่างตั้งค่าบทความบล็อก เพื่อนๆจะพบกับ checkbox อันใหม่ ชื่อว่า Show Ads Between Post อยู่ด้านล่างสุด ให้คลิก (ติ๊กถูก) บน checkbox นี้เลย
4. เมื่อติ๊กหน้า Show Ads Between Post แล้ว เพื่อนๆจะเห็นช่องสำหรับเพิ่มและปรับแต่ง AdSense ด้านล่าง โดยเพื่อนๆจะสามารถปรับเปลี่ยนค่าต่างๆเหมือนกับ ใส่ adsense ที่ Layout ค่ะ
5. กด Save ก็เป็นอันใช้งานได้ค่ะ
หมายเหตุ - ใช้ได้กับ Template ของ Blogger เท่านั้นนะคะ Theme อื่นๆ เปลี่ยนได้ แต่ไม่แสดงผล ไม่รู้ทำไม
Tag : Adsense
Monday, December 31, 2007
Saturday, December 29, 2007
keyword suggestion tools
List of Popular Keyword tools and keyword suggestion tools:
1. https://adwords.google.com/select/KeywordToolExternal
2. http://www.123promotion.co.uk/ppc/
3. http://www.seochat.com/seo-tools/keyword-suggestions-google/
4. http://www.nichebot.com/
5. http://www.wordpot.com/
6. http://freekeywords.wordtracker.com/
7. http://www.submitexpress.com/keytracker.php
8. http://www.selfseo.com/keyword_suggestion_tool.php
9. http://www.wordtrackerkeywords.net/
Tag : Google Adsense จ่ายเงินให้คุณอย่างไร
1. https://adwords.google.com/select/KeywordToolExternal
2. http://www.123promotion.co.uk/ppc/
3. http://www.seochat.com/seo-tools/keyword-suggestions-google/
4. http://www.nichebot.com/
5. http://www.wordpot.com/
6. http://freekeywords.wordtracker.com/
7. http://www.submitexpress.com/keytracker.php
8. http://www.selfseo.com/keyword_suggestion_tool.php
9. http://www.wordtrackerkeywords.net/
Tag : Google Adsense จ่ายเงินให้คุณอย่างไร
Wednesday, December 26, 2007
Google Adsense จ่ายเงินให้คุณอย่างไร
Google จะจ่ายเงินให้คุณก็ต่อเมื่อคุณมีรายได้ครบ 100$ เมื่อคุณมีรายได้ประมาณ 50$ ทาง Google จะส่ง PIN มาให้คุณ ทางจดหมาย ตามที่อยู่ที่ได้สมัครไว้ ให้คุณนำ PIN นั้นกรอกในข้อมูลของคุณ โดยมีวิธีการทำดังต่อไปนี้
การกรอกข้อมูล PIN
1. หลังจาก Login เข้าระบบจะเห็นข้อความ
You payments are currently on hold. Action is required to release payment Click here for details ให้คลิกที่ Click here for details
2. ที่ Required Action ให้คลิกที่ Please enter your PIN
3. ใส่หมายเลข PIN ของคุณ แล้วคลิก Submit PIN
การกรอกข้อมูล TAXคุณต้องกรอกข้อมูลภาษี ถ้าคุณไม่กรอกก็ไม่มีทางที่จะได้รับเงินจาก Google ถึงแม้จะได้ครบ 100$ แล้วก็ตาม โดยทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ (ผมไม่ได้จับรูปมาให้ดู กลัวเป็นการผิดกฎของ Google เดี๋ยวเงินที่ได้ทั้งหมดจะหายในพริบตา)
1. หลังจาก Login เข้าระบบ ให้ไปที่ My Account >> Tax information
2. Or, use this wizard to fine the correct form :
Are you a U.S. person (for example a U.S. corporation,........................... )?
ให้เลือก No แล้วคลิก Continue >>
3. Do you have U.S. Activities related to you participation in AdSense?
ให้เลือก No (certity no U.S. Activities) แล้วคลิก Continue >>
4. ใส่ชื่อของคุณลงในช่อง Signature of Publisher ........... (เค้าจะถือว่าเป็นลายเซ็นต์ ของคุณ) จากนั้นให้ คลิกที่ Submit information
เลือกวิธีการรับเงิน
แนะนำว่าให้คุณรับเป็นเช็คครับ โดยให้คุณเข้าไปแก้ไขหรือ เลือกวิธีการรับเงินที่ My Account ในส่วนของ Payment Details [edit] ให้คลิกที่ edit แล้วเลือกวิธีการรับเช็ค ซึ่งจะมีอยู่ 2 วิธี คือ
• Check - Standard Delivery * คุณไม่ต้องเสียอะไรเลยใช้เวลา 2-3 สัปดาห์
• Check - Secured Express Delivery ($24.00 Processing Fee) คุณต้องเสียค่าธรรมเนียม 24$ ใช้เวลา 1 สัปดาห์
เมื่อเลือกวิธีการการชำระเงินแล้วให้คลิกที่ Continue >> จากนั้นจะเข้าสู่หน้า Payment Currency (Check - Standard Delivery) ให้คุณเลือกว่าจะรับเงินเป็น US Dollars หรือ Thai Baht (เลือกเป็น Thai Baht) ที่ในส่วนของ Checks will be made out in: เมื่อเลือกแล้วให้คลิกที่ Save changes
ที่สำคัญข้อมูลที่อยุ่ของคุณต้องถูกต้องด้วยนะ เพราะ Google จะส่งเช็คมาให้ตามที่อยู่ตามที่ได้กรอกไว้ ถ้าคุณต้องการแก้ไขข้อมูลก็ให้คุณเข้าไปแก้ไขที่ My Account ในส่วนของ Payee Information [edit] ให้คลิกที่ edit จากนั้นให้ทำการแก้ไขข้อมูลต่าง ๆ ให้ถูกต้อง แล้วคลิกที่ Save changes
** หมายเหตุ คุณไม่สามารถเปลี่ยนชื่อผู้รับเงิน และประเทศได้
จากนั้นให้รอสัก 2-3 สัปดาห์ Google ก็จะส่งเช็คมาถึงเรา ให้คุณนำเช็คนั้น ไปขึ้นเงินทีธนาคาร (ถ้าคุณเลือกรับเงินเป็น Thai Baht คุณจะได้รับเช็คเร็วมาก ประมาณวันที่ 8 ก็จะได้รับเช็คแล้ว เช็คส่งมาให้จะออกโดย ซิตี้แบงค์ สีลม นี่เอง จากประสบการที่เคยนำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคารวันศุกร์ วันจันทร์ หลังบ่าย 3 โมง ก็สามารถกดเงินมาใช้ได้แล้ว
โชคดีได้เงินใช้เร็วๆนะคะ
Tag : Google Adsense จ่ายเงินให้คุณอย่างไร
การกรอกข้อมูล PIN
1. หลังจาก Login เข้าระบบจะเห็นข้อความ
You payments are currently on hold. Action is required to release payment Click here for details ให้คลิกที่ Click here for details
2. ที่ Required Action ให้คลิกที่ Please enter your PIN
3. ใส่หมายเลข PIN ของคุณ แล้วคลิก Submit PIN
การกรอกข้อมูล TAXคุณต้องกรอกข้อมูลภาษี ถ้าคุณไม่กรอกก็ไม่มีทางที่จะได้รับเงินจาก Google ถึงแม้จะได้ครบ 100$ แล้วก็ตาม โดยทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ (ผมไม่ได้จับรูปมาให้ดู กลัวเป็นการผิดกฎของ Google เดี๋ยวเงินที่ได้ทั้งหมดจะหายในพริบตา)
1. หลังจาก Login เข้าระบบ ให้ไปที่ My Account >> Tax information
2. Or, use this wizard to fine the correct form :
Are you a U.S. person (for example a U.S. corporation,........................... )?
ให้เลือก No แล้วคลิก Continue >>
3. Do you have U.S. Activities related to you participation in AdSense?
ให้เลือก No (certity no U.S. Activities) แล้วคลิก Continue >>
4. ใส่ชื่อของคุณลงในช่อง Signature of Publisher ........... (เค้าจะถือว่าเป็นลายเซ็นต์ ของคุณ) จากนั้นให้ คลิกที่ Submit information
เลือกวิธีการรับเงิน
แนะนำว่าให้คุณรับเป็นเช็คครับ โดยให้คุณเข้าไปแก้ไขหรือ เลือกวิธีการรับเงินที่ My Account ในส่วนของ Payment Details [edit] ให้คลิกที่ edit แล้วเลือกวิธีการรับเช็ค ซึ่งจะมีอยู่ 2 วิธี คือ
• Check - Standard Delivery * คุณไม่ต้องเสียอะไรเลยใช้เวลา 2-3 สัปดาห์
• Check - Secured Express Delivery ($24.00 Processing Fee) คุณต้องเสียค่าธรรมเนียม 24$ ใช้เวลา 1 สัปดาห์
เมื่อเลือกวิธีการการชำระเงินแล้วให้คลิกที่ Continue >> จากนั้นจะเข้าสู่หน้า Payment Currency (Check - Standard Delivery) ให้คุณเลือกว่าจะรับเงินเป็น US Dollars หรือ Thai Baht (เลือกเป็น Thai Baht) ที่ในส่วนของ Checks will be made out in: เมื่อเลือกแล้วให้คลิกที่ Save changes
ที่สำคัญข้อมูลที่อยุ่ของคุณต้องถูกต้องด้วยนะ เพราะ Google จะส่งเช็คมาให้ตามที่อยู่ตามที่ได้กรอกไว้ ถ้าคุณต้องการแก้ไขข้อมูลก็ให้คุณเข้าไปแก้ไขที่ My Account ในส่วนของ Payee Information [edit] ให้คลิกที่ edit จากนั้นให้ทำการแก้ไขข้อมูลต่าง ๆ ให้ถูกต้อง แล้วคลิกที่ Save changes
** หมายเหตุ คุณไม่สามารถเปลี่ยนชื่อผู้รับเงิน และประเทศได้
จากนั้นให้รอสัก 2-3 สัปดาห์ Google ก็จะส่งเช็คมาถึงเรา ให้คุณนำเช็คนั้น ไปขึ้นเงินทีธนาคาร (ถ้าคุณเลือกรับเงินเป็น Thai Baht คุณจะได้รับเช็คเร็วมาก ประมาณวันที่ 8 ก็จะได้รับเช็คแล้ว เช็คส่งมาให้จะออกโดย ซิตี้แบงค์ สีลม นี่เอง จากประสบการที่เคยนำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคารวันศุกร์ วันจันทร์ หลังบ่าย 3 โมง ก็สามารถกดเงินมาใช้ได้แล้ว
โชคดีได้เงินใช้เร็วๆนะคะ
Tag : Google Adsense จ่ายเงินให้คุณอย่างไร
Sunday, December 23, 2007
บางความทรงจำ
1.
เข็มนาฬิกาแห่งสายลมกำลังเดินทาง
พัดผ่านถนนสายแห่งวันวาน
หอบเอาความคิดถึงที่เป็นที่สุดของความทรงจำ
ให้ปลิดปลิว หล่นร่วงบนพื้นถนนนั้น
พัดพาใครบางคน...หล่นหายไปตามรายทาง
จากไป...ในสายลมแห่งกาลเวลา
2.
บนถนนเส้นเดิม....
ทุกอย่างเปลี่ยนไป
ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมได้เลย
เวลาพัดพาทุกอย่างจางหายไป
เหลือแค่เพียงกรุ่นอายแห่งความทรงจำ
ให้ยัง...คิดถึง
ในทุกที ที่นึกขึ้นมาได้
ว่าที่ตรงนี้ ตรงนั้น เคยมีใครผ่านเข้ามา
Thursday, December 20, 2007
ความรัก ความลับ
ความรัก ความลับ
ความลับ. . .ได้ยินว่ามักเป็นสีดำ
ความรัก. . .จำได้ว่ามักเป็นสีชมพู
ความลับ. . .ต้องกระซิบข้างๆหู
ความรัก. . .อาจรับรู้ด้วยหัวใจ
ความลับ. ..ต้องมีการวางแผน
ความรัก. . .จะกี่หมื่นแสนก็ยังยิ่งใหญ่
ความลับ. . .ถ้าบอกจะไม่ลับอีกต่อไป
ความรัก. . .ได้ฟังเมื่อไหร่ก็ยังคงงดงาม
ความลับ. . .ฟังแล้วอาจสงสัย
ความรัก. . .มักไม่มีคำบรรยายหรือคำถาม
ความลับ. . .ต้องเก็บให้ดีนี่คือนิยาม
ความรัก. . .อาจไม่ต้องมีคำจำกัดความมาปะปน
ความลับ. . .จะไม่บอกให้ใครรู้
ความรัก. . .แค่ให้ได้ฟังอยู่ก็สุขล้น
ความลับ. . .เข้าไปมากจะวกวน
ความรัก. . .แค่อยู่ในใจสักคนก็เพียงพอ
ความลับ. . .ได้ยินว่ามักเป็นสีดำ
ความรัก. . .จำได้ว่ามักเป็นสีชมพู
ความลับ. . .ต้องกระซิบข้างๆหู
ความรัก. . .อาจรับรู้ด้วยหัวใจ
ความลับ. ..ต้องมีการวางแผน
ความรัก. . .จะกี่หมื่นแสนก็ยังยิ่งใหญ่
ความลับ. . .ถ้าบอกจะไม่ลับอีกต่อไป
ความรัก. . .ได้ฟังเมื่อไหร่ก็ยังคงงดงาม
ความลับ. . .ฟังแล้วอาจสงสัย
ความรัก. . .มักไม่มีคำบรรยายหรือคำถาม
ความลับ. . .ต้องเก็บให้ดีนี่คือนิยาม
ความรัก. . .อาจไม่ต้องมีคำจำกัดความมาปะปน
ความลับ. . .จะไม่บอกให้ใครรู้
ความรัก. . .แค่ให้ได้ฟังอยู่ก็สุขล้น
ความลับ. . .เข้าไปมากจะวกวน
ความรัก. . .แค่อยู่ในใจสักคนก็เพียงพอ
Sunday, December 16, 2007
Drop-down Menu for Labels in Blogger
วันนี้ มาทดลองทำ Drop-down Menu ให้กับ Label กัน
ตามมาค่ะ
1. ก่อนอื่นให้ Backup Template อันเดิมไว้ก่อนนะคะ โดยไปที่ Template>Edit HTML-> Download Full Template
2. เรายังอยู่ที่ Template>Edit HTML ให้มองหาคำว่า Expand Widget Templates เสร็จแล้ว Check เครื่องหมายถูกที่ หน้าคำนั้น (Expand Widget Templates)
3. หา Code
4. เมื่อหาเจอแล้ว ด้านล่าง Code นี้ จะมี Code ที่เริ่มต้นด้วย ทำการลบทิ้ง
5. แทนที่ด้วย Code
6. Preview ก่อนที่จะ กด Save
ขอให้โชคดีค่ะ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก http://www.earnblogger.com/drop-down-menu-for-labels-in-blogger/
ตามมาค่ะ
1. ก่อนอื่นให้ Backup Template อันเดิมไว้ก่อนนะคะ โดยไปที่ Template>Edit HTML-> Download Full Template
2. เรายังอยู่ที่ Template>Edit HTML ให้มองหาคำว่า Expand Widget Templates เสร็จแล้ว Check เครื่องหมายถูกที่ หน้าคำนั้น (Expand Widget Templates)
3. หา Code
4. เมื่อหาเจอแล้ว ด้านล่าง Code นี้ จะมี Code ที่เริ่มต้นด้วย ทำการลบทิ้ง
5. แทนที่ด้วย Code
6. Preview ก่อนที่จะ กด Save
ขอให้โชคดีค่ะ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก http://www.earnblogger.com/drop-down-menu-for-labels-in-blogger/
How to install a Blogger XML template
Friday, December 7, 2007
10 เทคนิคการสร้าง Link Popularity ให้กับบล็อก
การเพิ่มจำนวน Link Popularity เป็นอีกวิธีหนึ่งในกระบวนการทำ SEO ให้กับบล็อกของคุณ นอกเหนือจากการเพิ่ม Link Popularity แล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาส ที่คนจะเข้ามาอ่านบล็อกของคุณมากขึ้นด้วย เพราะเป็นการเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงบล็อก ลองดู 10 เทคนิคการสร้าง Link Popularity ให้กับบล็อกของคุณกันดูดีกว่าครับ รับรองว่าสิ่งเหล่านี้ สามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ยากเลยครับ
1. Link ไปหาบล็อกอื่น
วิธีที่ง่ายที่สุด ก็คือทำ link ไปหาบล็อกอื่น ๆ ที่คุณสนใจก่อนเลย นักเขียนบล็อกหลาย ๆ ท่านมักะใจจดใจจ่อ อยู่ตลอดอยู่แล้วว่า จะมีใครทำ link มาหาบ้าง เมื่อคุณลิงค์ไปหาเค้าก่อน คุณก็อาจจะได้เป็นจุดสนใจ ทำให้เจ้าของบล็อกนั้น ๆ รู้จักบล็อกของคุณ คราวนี้แหละครับ ถ้าบล็อกเราดีจริง เค้าก็คงไม่รังเกียจที่จะทำ link มาหาเราแน่นอนครับ หรือถ้าให้ชัวร์ หลังจากที่คุณทำลิงค์ไปหาบล็อกอื่นแล้ว ลองเมล์ไปบอกเจ้าของบล็อกเค้าด้วยก็ดีครับ ว่าเราทำลิงค์ไปหาแล้วนะครับ
2. ไป Comment ที่บล็อกคนอื่นบ้าง
เวลาเราไปอ่านบล็อกคนอื่น ก็ไปเขียนคอมเม้นต์ไว้บ้างนะครับ มีคำแนะนำนิดนึงว่า อย่าไป spam comment เค้านะครับ เพราะขนาดเราเองยังรำคาญเวลามีคนมา spam comment ของเรา ใจเขาใจเราครับ ( เพิ่มเติมครับ ตอนนี้ในส่วน comment ของระบบ blog อย่าง wordpress มักจะมีแท็ก no follow ครอบอยู่ ทำให้ไม่สามารถช่วยในเรื่อง link popularity ได้แล้วนะครับ คงได้ประโยชน์คือให้เจ้าของบล็อก รู้จักบล็อกเราเท่านั้ัน)
3. Submit บล็อกเข้าสู่ Search Engine ต่าง ๆ
ข้อนี้ต้องขยันนิดนึง เพราะคุณต้อง submit บล็อกของเราเข้าสู่ Search Engine ต่าง ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ ข้อได้เปรียบของบล็อกก็คือ คุณสามารถโปรโมทบล็อกไปสู่ search engine ของเว็บได้ และยังโปรโมทไปสู่ search engine เฉพาะทางเช่นพวก Blog Search Engine ได้อีกด้วย
4. ออกแบบบล็อกให้ดูดีสวยงาม
ถ้าคุณออกแบบบล็อกให้สวย ๆ หรือมีดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตา คุณก็มีโอกาสที่จะโปรโมทเว็บของคุณที่ Rookienet หรือเว็บที่พูดคุยถึงเรื่องการดีไซน์เว็บ เป็นต้น
5. ใช้ CSS ในการออกแบบบล็อก
หากดีไซน์สวยแล้ว ยิ่งใช้ css ในการ coding เข้าไปอีก โอกาสยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะคุณจะมีโอกาสได้โปรโมทไปสู่ระดับโลก เช่นเว็บ CSSvault ซึ่งถ้าคุณออกแบบสวยและใช้ CSS คุณก็สามารถส่งบล็อกของคุณ เข้าไปให้เค้าพิจารณาได้
6. ทำ Tag ไปหา technorati
บล็อกเสิร์ชเอนจิ้นชื่อดังอย่าง Technorati นั้นมี pagerank ที่สูงทีเดียว ยิ่งถ้าแต่ละบทความของคุณ มีการใส่ tag ไปแจ้ง technorati ไว้ เราจะได้ผลสองทางคือ ทางตรง ได้ไปอยู่ใน technorati directory และ ทางอ้อม คือ bot ของ search engine ต่าง ๆ จะวิ่งต่อจาก technorati มาเก็บข้อมูลในบล็อกของเราด้วย
7. ทำ signature ตอนตอบกระทู้ใน Web Board
เวลาไปตอบกระทู้ในเว็บบอร์ดต่าง ๆ ก็อย่าลืมตั้งค่า signature ให้ลิงค์มาที่บล็อกของคุณด้วย คำแนะนำคือ ตอบกระทู้ในสิ่งที่คุณตอบได้ อย่า spam เว็บบอร์ด ให้ตอบในเรื่องที่เรารู้จริง จะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้บล็อกของเราได้อีกด้วย ลองแวะไปที่เว็บบอร์ดสำหรับชาวบล็อกอย่าง Blogger Talk ก่อนได้
8. ใช้ Social Bookmark
ในยุค web 2.0 อย่างตอนนี้ ลองใช้ประโยชน์จากเว็บพวก social bookmark ให้เกิดประโยชน์ ถ้าบทความในบล็อกของเรา ได้ไป link อยู่ในเว็บเหล่านี้ จะเป็นการเพิ่ม traffic และเพิ่ม link popularity ไปในตัว ลองดูเว็บอย่าง del.icio.us หรือ digg แต่ถ้าหากเป็นของไทย ลองแวะไปที่ Zickr
9. Ping ไปที่ Blog Search Engine
ถ้าระบบบล็อกของคุณเป็นโปรแกรมอย่างพวก WordPress หรือ MovableType คุณก็จะสามารถตั้งค่าของโปรแกรมให้ทำการ ping บทความหรือบล็อกของคุณ เข้าสู่ Blog Search Engine ในทุก ๆ ครั้งที่คุณอัพเดทบล็อกโดยอัตโนมัติ ลองดู ping list ที่นี่ดูครับ หรือถ้าหากใครตั้งค่า ping ไม่เป็น ลองดูวิธีที่ผมเคยเขียน วิธีการ ping ของ WordPress ไว้นะครับ
10. เขียนบทความให้เว็บอื่นหรือบล็อกอื่นๆ
หลายแห่งเปิดให้เราได้แสดงความสามารถ หรือเขียนบทความที่มีประโยชน์ ต่อกลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์ หรือบล็อกของเค้า และส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเราเขียนเรื่องส่งไป เราจะได้ credit เล็ก ๆ ก็คือ link กลับมาหาบล็อกของเรา
ข้อมูลดีๆ จาก http://www.keng.com/2006/11/21/10-tips-to-increase-a-link-popularity-for-your-blog/
1. Link ไปหาบล็อกอื่น
วิธีที่ง่ายที่สุด ก็คือทำ link ไปหาบล็อกอื่น ๆ ที่คุณสนใจก่อนเลย นักเขียนบล็อกหลาย ๆ ท่านมักะใจจดใจจ่อ อยู่ตลอดอยู่แล้วว่า จะมีใครทำ link มาหาบ้าง เมื่อคุณลิงค์ไปหาเค้าก่อน คุณก็อาจจะได้เป็นจุดสนใจ ทำให้เจ้าของบล็อกนั้น ๆ รู้จักบล็อกของคุณ คราวนี้แหละครับ ถ้าบล็อกเราดีจริง เค้าก็คงไม่รังเกียจที่จะทำ link มาหาเราแน่นอนครับ หรือถ้าให้ชัวร์ หลังจากที่คุณทำลิงค์ไปหาบล็อกอื่นแล้ว ลองเมล์ไปบอกเจ้าของบล็อกเค้าด้วยก็ดีครับ ว่าเราทำลิงค์ไปหาแล้วนะครับ
2. ไป Comment ที่บล็อกคนอื่นบ้าง
เวลาเราไปอ่านบล็อกคนอื่น ก็ไปเขียนคอมเม้นต์ไว้บ้างนะครับ มีคำแนะนำนิดนึงว่า อย่าไป spam comment เค้านะครับ เพราะขนาดเราเองยังรำคาญเวลามีคนมา spam comment ของเรา ใจเขาใจเราครับ ( เพิ่มเติมครับ ตอนนี้ในส่วน comment ของระบบ blog อย่าง wordpress มักจะมีแท็ก no follow ครอบอยู่ ทำให้ไม่สามารถช่วยในเรื่อง link popularity ได้แล้วนะครับ คงได้ประโยชน์คือให้เจ้าของบล็อก รู้จักบล็อกเราเท่านั้ัน)
3. Submit บล็อกเข้าสู่ Search Engine ต่าง ๆ
ข้อนี้ต้องขยันนิดนึง เพราะคุณต้อง submit บล็อกของเราเข้าสู่ Search Engine ต่าง ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ ข้อได้เปรียบของบล็อกก็คือ คุณสามารถโปรโมทบล็อกไปสู่ search engine ของเว็บได้ และยังโปรโมทไปสู่ search engine เฉพาะทางเช่นพวก Blog Search Engine ได้อีกด้วย
4. ออกแบบบล็อกให้ดูดีสวยงาม
ถ้าคุณออกแบบบล็อกให้สวย ๆ หรือมีดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตา คุณก็มีโอกาสที่จะโปรโมทเว็บของคุณที่ Rookienet หรือเว็บที่พูดคุยถึงเรื่องการดีไซน์เว็บ เป็นต้น
5. ใช้ CSS ในการออกแบบบล็อก
หากดีไซน์สวยแล้ว ยิ่งใช้ css ในการ coding เข้าไปอีก โอกาสยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะคุณจะมีโอกาสได้โปรโมทไปสู่ระดับโลก เช่นเว็บ CSSvault ซึ่งถ้าคุณออกแบบสวยและใช้ CSS คุณก็สามารถส่งบล็อกของคุณ เข้าไปให้เค้าพิจารณาได้
6. ทำ Tag ไปหา technorati
บล็อกเสิร์ชเอนจิ้นชื่อดังอย่าง Technorati นั้นมี pagerank ที่สูงทีเดียว ยิ่งถ้าแต่ละบทความของคุณ มีการใส่ tag ไปแจ้ง technorati ไว้ เราจะได้ผลสองทางคือ ทางตรง ได้ไปอยู่ใน technorati directory และ ทางอ้อม คือ bot ของ search engine ต่าง ๆ จะวิ่งต่อจาก technorati มาเก็บข้อมูลในบล็อกของเราด้วย
7. ทำ signature ตอนตอบกระทู้ใน Web Board
เวลาไปตอบกระทู้ในเว็บบอร์ดต่าง ๆ ก็อย่าลืมตั้งค่า signature ให้ลิงค์มาที่บล็อกของคุณด้วย คำแนะนำคือ ตอบกระทู้ในสิ่งที่คุณตอบได้ อย่า spam เว็บบอร์ด ให้ตอบในเรื่องที่เรารู้จริง จะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้บล็อกของเราได้อีกด้วย ลองแวะไปที่เว็บบอร์ดสำหรับชาวบล็อกอย่าง Blogger Talk ก่อนได้
8. ใช้ Social Bookmark
ในยุค web 2.0 อย่างตอนนี้ ลองใช้ประโยชน์จากเว็บพวก social bookmark ให้เกิดประโยชน์ ถ้าบทความในบล็อกของเรา ได้ไป link อยู่ในเว็บเหล่านี้ จะเป็นการเพิ่ม traffic และเพิ่ม link popularity ไปในตัว ลองดูเว็บอย่าง del.icio.us หรือ digg แต่ถ้าหากเป็นของไทย ลองแวะไปที่ Zickr
9. Ping ไปที่ Blog Search Engine
ถ้าระบบบล็อกของคุณเป็นโปรแกรมอย่างพวก WordPress หรือ MovableType คุณก็จะสามารถตั้งค่าของโปรแกรมให้ทำการ ping บทความหรือบล็อกของคุณ เข้าสู่ Blog Search Engine ในทุก ๆ ครั้งที่คุณอัพเดทบล็อกโดยอัตโนมัติ ลองดู ping list ที่นี่ดูครับ หรือถ้าหากใครตั้งค่า ping ไม่เป็น ลองดูวิธีที่ผมเคยเขียน วิธีการ ping ของ WordPress ไว้นะครับ
10. เขียนบทความให้เว็บอื่นหรือบล็อกอื่นๆ
หลายแห่งเปิดให้เราได้แสดงความสามารถ หรือเขียนบทความที่มีประโยชน์ ต่อกลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์ หรือบล็อกของเค้า และส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเราเขียนเรื่องส่งไป เราจะได้ credit เล็ก ๆ ก็คือ link กลับมาหาบล็อกของเรา
ข้อมูลดีๆ จาก http://www.keng.com/2006/11/21/10-tips-to-increase-a-link-popularity-for-your-blog/
Friday, November 30, 2007
การรับเงินจาก Amazon
ช่วงนี้ เค้า กำลัง ฮิต Astore กัน
คงขาย กันได้บ้างแล้วนะคะ
ขายได้ก็คง รอ รับ สตางค์
มารู้กันดีกว่านะคะ ว่า Amazon จะส่งเงินมาให้เราวันไหน
ตามนี้เลยค่ะ
เงินจะได้ ทุก 3 เดือน
ตัวอย่าง
มกราคม 2550 จะได้ประมาณปลายเดือน มีนาคม 2550
กุมภาพันธ์ 2550 จะได้ประมาณปลายเดือน เมษายน 2550
มีนาคม 2550 จะได้ประมาณปลายเดือน พฤษภาคม 2550
ถ้าอยากรับ ทาง Direct Deposit ก็ตามเข้าไปอ่านตามนี้เลยค่ะ
คงขาย กันได้บ้างแล้วนะคะ
ขายได้ก็คง รอ รับ สตางค์
มารู้กันดีกว่านะคะ ว่า Amazon จะส่งเงินมาให้เราวันไหน
ตามนี้เลยค่ะ
เงินจะได้ ทุก 3 เดือน
ตัวอย่าง
มกราคม 2550 จะได้ประมาณปลายเดือน มีนาคม 2550
กุมภาพันธ์ 2550 จะได้ประมาณปลายเดือน เมษายน 2550
มีนาคม 2550 จะได้ประมาณปลายเดือน พฤษภาคม 2550
ถ้าอยากรับ ทาง Direct Deposit ก็ตามเข้าไปอ่านตามนี้เลยค่ะ
Saturday, November 24, 2007
Page rank หรือ PR คืออะไร
1. Google PageRank คืออะไร ?
PR หรือ Page Rank คือ วิธีการจัดลำดับความสำคัญเว็บเพจทั่วโลก จาก Google โดยให้ชื่อว่า Google Page Rank การวัดค่าการจัดลำดับความสำคัญนี้ Google ได้กำหนดไว้ตั้งแต่ 0 ถึง 10 ยิ่งตัวเลขสูงเท่าไหร่ ค่า Page Rank หรือ PR จะยิ่งสูงเท่านั้น และเป็นเหตุให้ได้รับการจัดลำดับที่ดีกว่าจาก Google.
***หัวใจ ของ Page Rank คือ แลกลิงค์กับเว็บไซต์อื่นๆ ให้มาก และถ้าเป็นเว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บเรา และ เป็นเว็บที่มีค่า PR สูง ยิ่งทำให้เว็บไซต์เรามีค่า PR สูงขึ้นด้วย
2. Google คำนวณค่า PR อย่างไร ?
ค่า PR ถูกคำนวณ โดยจำนวนลิงก์ของเว็บไซต์อื่นๆ ที่เชื่อมลิงก์มายังเว็บไซต์ของคุณ (Inbound Link) ทั้งนี้คำนึงถึงคุณภาพ (คุณภาพของลิงก์หมายถึง เว็บเพจที่ลิงก์มาหาคุณมีความเกี่ยวข้องและเกี่ยวเนื่องกับเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณ ) และค่า PR ของเว็บไซต์ที่ลิงก์มายังเว็บไซต์คุณด้วย ยิ่งเว็บไซต์ที่ลิงก์มาหาคุณมี PR สูงๆ ค่า PR ของเว็บคุณก็มีแนวโน้มที่จะสูงตามไปด้วย ค่า PageRank นั้นใช้วิธีการเดียวกับระบบการโหวต หนึ่งลิงก์ที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของคุณ ยิ่งมีค่า PR สูงเท่าใด Google ยิ่งเห็นความสำคัญของเว็บเพจนั้นๆมากยิ่งขึ้น และหากมีลิงก์มาจำนวนมากลิงก์มายังเว็บไซต์คุณ ค่า PR เว็บคุณก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
3. ทำอย่างไรถึงจะได้ค่า PR เพิ่มขึ้น ?
ค่า PR นั้นจะเพิ่มขึ้นได้ในแต่ละขั้นจาก 1 ไป 2 , จาก 2 ไป 3,... , จาก 9 ไป 10 นั้น มีกฏเกณฑ์ที่ค่อนข้างสลับซับซ้อน แต่ไม่ได้เป็นลักษณะเช่น คุณมีเว็บที่เชื่อมโยงลิงก์มาหาเว็บไซต์ คุณจาก 50 inbound link เป็น 100 inbound link (เพิ่มขึ้น 50 หน่วย) เว็บเพจนั้นๆอาจมีค่า PR เพิ่มขึ้นจาก 2 เป็น PR 3 แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ค่า PR 3 จะปรับเพิ่มขึ้นเป็น PR 4 โดย ที่คุณมี inbound link เพิ่มจาก 100 เป็น 150 (เพิ่มขึ้น 50 หน่วย) เสมอไป อาจต้องมี inbound link เพิ่มขึ้นถึง 200 หน่วย ค่า PR ถึงจะเพิ่มขึ้นก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นในค่า PR ในแต่ละขั้นนั้น เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความรู้ ความพยายามเป็นอย่างมาก
4. การเพิ่มหน้าเว็บเพจที่มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ส่งผลให้ค่า PR เพิ่มขึ้นหรือไม่ ?
คำตอบคือไม่ อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วคือ หากคุณสามารถทำให้มีเว็บลิงก์มายังเว็บคุณได้มากขึ้นเท่าไหร่ PR ของเว็บคุณก็จะสูงมากขึ้นตามลำดับ แต่ทั้งนี้หากคุณนำเสนอเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ในเว็บเพจนั้นๆ นั่นหมายความว่า คุณอาจได้รับการขอแลกลิงก์จากเว็บมาสเตอร์คนอื่นๆมายังเว็บไซต์คุณก็เป็นได้ ซึ่งเท่ากับเพิ่มจำนวนลิงก์ให้มากขึ้นในที่สุด
ดูค่า Page rank กันดีกว่า
PR หรือ Page Rank คือ วิธีการจัดลำดับความสำคัญเว็บเพจทั่วโลก จาก Google โดยให้ชื่อว่า Google Page Rank การวัดค่าการจัดลำดับความสำคัญนี้ Google ได้กำหนดไว้ตั้งแต่ 0 ถึง 10 ยิ่งตัวเลขสูงเท่าไหร่ ค่า Page Rank หรือ PR จะยิ่งสูงเท่านั้น และเป็นเหตุให้ได้รับการจัดลำดับที่ดีกว่าจาก Google.
***หัวใจ ของ Page Rank คือ แลกลิงค์กับเว็บไซต์อื่นๆ ให้มาก และถ้าเป็นเว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บเรา และ เป็นเว็บที่มีค่า PR สูง ยิ่งทำให้เว็บไซต์เรามีค่า PR สูงขึ้นด้วย
2. Google คำนวณค่า PR อย่างไร ?
ค่า PR ถูกคำนวณ โดยจำนวนลิงก์ของเว็บไซต์อื่นๆ ที่เชื่อมลิงก์มายังเว็บไซต์ของคุณ (Inbound Link) ทั้งนี้คำนึงถึงคุณภาพ (คุณภาพของลิงก์หมายถึง เว็บเพจที่ลิงก์มาหาคุณมีความเกี่ยวข้องและเกี่ยวเนื่องกับเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณ ) และค่า PR ของเว็บไซต์ที่ลิงก์มายังเว็บไซต์คุณด้วย ยิ่งเว็บไซต์ที่ลิงก์มาหาคุณมี PR สูงๆ ค่า PR ของเว็บคุณก็มีแนวโน้มที่จะสูงตามไปด้วย ค่า PageRank นั้นใช้วิธีการเดียวกับระบบการโหวต หนึ่งลิงก์ที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของคุณ ยิ่งมีค่า PR สูงเท่าใด Google ยิ่งเห็นความสำคัญของเว็บเพจนั้นๆมากยิ่งขึ้น และหากมีลิงก์มาจำนวนมากลิงก์มายังเว็บไซต์คุณ ค่า PR เว็บคุณก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
3. ทำอย่างไรถึงจะได้ค่า PR เพิ่มขึ้น ?
ค่า PR นั้นจะเพิ่มขึ้นได้ในแต่ละขั้นจาก 1 ไป 2 , จาก 2 ไป 3,... , จาก 9 ไป 10 นั้น มีกฏเกณฑ์ที่ค่อนข้างสลับซับซ้อน แต่ไม่ได้เป็นลักษณะเช่น คุณมีเว็บที่เชื่อมโยงลิงก์มาหาเว็บไซต์ คุณจาก 50 inbound link เป็น 100 inbound link (เพิ่มขึ้น 50 หน่วย) เว็บเพจนั้นๆอาจมีค่า PR เพิ่มขึ้นจาก 2 เป็น PR 3 แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ค่า PR 3 จะปรับเพิ่มขึ้นเป็น PR 4 โดย ที่คุณมี inbound link เพิ่มจาก 100 เป็น 150 (เพิ่มขึ้น 50 หน่วย) เสมอไป อาจต้องมี inbound link เพิ่มขึ้นถึง 200 หน่วย ค่า PR ถึงจะเพิ่มขึ้นก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นในค่า PR ในแต่ละขั้นนั้น เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความรู้ ความพยายามเป็นอย่างมาก
4. การเพิ่มหน้าเว็บเพจที่มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ส่งผลให้ค่า PR เพิ่มขึ้นหรือไม่ ?
คำตอบคือไม่ อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วคือ หากคุณสามารถทำให้มีเว็บลิงก์มายังเว็บคุณได้มากขึ้นเท่าไหร่ PR ของเว็บคุณก็จะสูงมากขึ้นตามลำดับ แต่ทั้งนี้หากคุณนำเสนอเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ในเว็บเพจนั้นๆ นั่นหมายความว่า คุณอาจได้รับการขอแลกลิงก์จากเว็บมาสเตอร์คนอื่นๆมายังเว็บไซต์คุณก็เป็นได้ ซึ่งเท่ากับเพิ่มจำนวนลิงก์ให้มากขึ้นในที่สุด
ดูค่า Page rank กันดีกว่า
Wednesday, November 14, 2007
Mass Keyword VS Niche Keyword
Mass Keyword VS Niche Keyword
โดย ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์
http://www.trawut.com-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ในการทำโฆษณาสินค้าใน Amazon นั้น เราทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า สามารถแบ่งวิธีการทำโฆษณา/ หา Keywords ออกได้เป็น 2 แบบ ก็คือ
1. โฆษณาแบบ Mass คือ การทำโฆษณาตัวเว็บไซต์ Amazon.com เลย เพื่อให้คนเข้ามาซื้อสินค้ากันในเว็บไซต์ จะเป็นสินค้าอะไร ยี่ห้ออะไรก็ได้ ซึ่ง Keywords ที่ใช้ก็เช่น online shopping, buying gift เป็นต้น ซึ่งจะเห็นว่าเป็น Keywords กลางๆ ที่เรียกให้คนเข้าเว็บไซต์มากๆ
2. โฆษณาแบบ Niche คือ การทำโฆษณาสินค้าเฉพาะบางอย่าง หรือ บางประเภทใน Amazon เพื่อให้คนที่สนใจสินค้าจริงๆ เจาะจงเข้ามาใน Amazon เพื่อซื้อสินค้าที่เราทำโฆษณาอยู่เลย ซึ่ง Keywords ที่ใช้ ก็จะเป็นประมาณ sony digital camera, Samsung hdtv เป็นต้น ซึ่งจะเห็นว่าเป็น Keywords ที่มีการะบุชื่อรุ่น หรือ ชื่อสินค้า ชัดเจนมากขึ้น
หรือสำหรับใครหลายๆคน อาจจะมีแยกแบบที่ 3 ออกมาด้วย ก็ได้คือ
3. โฆษณาแบบ Nass คือ การทำโฆษณาสินค้าชนิดต่างๆใน Amazon โดยไม่ได้มีการระบุลงลึกไปมากเท่าไหร่ เหมือนกับเน้นให้คนที่สนใจสินค้าชนิดนั้นๆ เข้ามาเลือกดูสินค้าแต่ละยี่ห้อ และตัดสินใจซื้อ สินค้าที่ดีที่สุดให้ตนเอง ซึ่ง Keywords ที่คนนำมาใช้โฆษณาแบบ Nass นี้ เช่น hdtv on sale, classic electric guitar, wedding diamond rings เป็นต้น
ซึ่งการโฆษณาแบบ Nass นี้ บางคนก็จัดให้อยู่ในประเภทเดียวกับ Mass บางคน ก็จัดอยู่ในประเภทเดียวกับ Niche แล้วแต่ใครเห็นว่าเป็นอย่างไร เพราะว่าการโฆษณาแบบ Nass นี้ ก็คล้ายกับเป็นการนำคนจำนวนมากเข้ามาในเว็บไซต์ ด้วยความสนใจในสินค้าบางอย่าง แต่หลายๆครั้ง คนที่เข้ามาก็ไม่ได้ซื้อสินค้านั้นๆ กลับไปซื้อสินค้าอื่นแทน เหมือนเป็นลูกผสมระหว่าง Mass กับ Niche นั่นเอง
(เพื่อความสะดวก ผมก็ขอพูดถึงการโฆษณาแค่ 2 ประเภทนะครับ คือ แบบ Mass กับ แบบ Niche ส่วนแบบ Nass นั้น เพื่อนๆก็ไปตัดสินใจเอาเองนะครับว่า ต้องการนำเข้าไปรวมกับแบบใด)
เวลาใดก็ตามที่มีทางเดิน 2 ทางให้เราเลือก เราจะรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า ต้องมีทางใดทางหนึ่งที่ดีกว่าอีกทาง ทำให้หลายๆคนคงเคยสงสัยว่า ตนเองควรจะทำโฆษณาแบบ Mass หรือแบบ Niche จะดีกว่ากัน อันไหนจะให้รายได้ที่ดีกว่า
คำตอบจากผมง่ายๆครับ คือ ลองทำและวัดผลดูทั้ง 2 แบบ เพราะตราบเท่าที่เรายังไม่เคยทดลองทำ เราจะไม่มีทางรู้ผลลัพธ์ได้เลยว่า อะไรดีกว่ากัน
และผมว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ขึ้นกับบุคคลอีกด้วยครับ เพราะว่า กรรมเก่าของแต่ละคนไม่เท่ากัน (ประสบการณ์ ความถนัด ความชอบ ความคุ้นเคย และอื่นๆ) ทำให้บางคนอาจจะถนัดและทำเงินจากแบบ Mass ได้มากกว่าแบบ Niche ในขณะที่บางคนทำโฆษณา Mass แทบตายไม่เคยได้เงิน แต่พอย้ายไปทำแบบ Niche ปุ๊บ ได้เงินปั๊บ
ผมก็ขอให้คำแนะนำในการเลือกโฆษณาทั้ง 2 แบบ ไว้ดังนี้ครับ
1. ถ้าหากเป็นไปได้ ควรทำโฆษณาทั้ง 2 แบบ
เพราะว่าระดับค่าคอมมิสชั่นใน Amazon จะเป็นแบบขั้นบันได ยิ่งเราขายสินค้าได้มากชิ้น ค่าคอมมิสชั่นเราก็จะเพิ่มไปด้วย เช่น เมื่อเราขายได้เกิน 630 ชิ้น เราจะได้ค่าคอมมิสชั่นถึง 8%
ดังนั้นเราควรจะทำโฆษณาแบบ Mass เพื่อให้ยอดสินค้าของเรามีมากๆในแต่ละเดือน เพื่อให้ค่าคอมมิสชั่นที่เราได้จากการทำโฆษณาแบบ Niche นั้น เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยกัน ก็จะเป็นวิธีการสร้างรายได้เพิ่มให้กับเราโดยอัตโนมัติครับ
2. โฆษณาแบบ Niche เฉพาะสินค้าที่มีราคาแพงๆ
เพราะว่า ยิ่งสินค้ามีราคาแพง เราก็จะได้รับค่าคอมมิสชั่นสูงไปด้วย จะทำให้เราสามารถเพิ่มค่า bid ใน PPC ต่างๆมากขึ้นไปได้อีก ก็จะทำให้เราโฆษณาอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆได้อีกหน่อย
และที่สำคัญการโฆษณาแบบ Niche นั้น สร้างความยุ่งยากให้กับเรามากกว่าแบบ Mass เพราะเราต้องศึกษารายละเอียดของสินค้า และนำมาเขียนโฆษณาให้ดี ดังนั้น เมื่อเราจะเหนื่อยมากขึ้น ค่าตอบแทนที่ได้รับกลับมา ก็ควรจะคุ้มค่าเหนื่อยเช่นกัน
3. อย่าลืมใช้ Landing Page ที่เหมาะสมในการโฆษณาแบบ Niche
เพราะในการโฆษณาแบบ Niche เราใช้ Keywords และ Ads ที่เจาะจงมากๆ ดังนั้น เราจึงควรส่งลูกค้าทุกคนไปยังหน้าสินค้าที่เค้ากำลังค้นหาอยู่ทันที ซึ่งจะทำให้ค่า Conversion Rate ของเราสูงขึ้นได้ครับ
4. โฆษณา Mass หนักๆในช่วง Seasonal
ในช่วงหน้าเทศกาลต่างๆที่คนจำเป็นต้องซื้อของขวัญ เพื่อมอบให้กับคนอื่นๆ เช่น ช่วงปีใหม่เป็นต้น เราควรจะเร่งทำโฆษณาแบบ Mass เพราะว่า คนจำนวนมากเหล่านี้ ยังไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญดี ทำให้หลายๆคนเข้ามาเว็บไซต์ Amazon แล้ว จึงค่อยๆคิด ว่าจะไปซื้อของขวัญอะไรดี และสุดท้ายก็เลือกซื้อของบางอย่างใน Amazon ไปเป็นของขวัญนั่นเอง
5. การเขียนข้อความโฆษณา
การเขียนข้อความโฆษณาแบบ Mass คงไม่มีอะไรมาก แต่สิ่งหนึ่งที่แนะนำให้เขียนไว้เลย คือ ชื่อแบรนด์ Amazon.com รวมทั้งการเขียนว่า สามารถซื้อของได้ในราคาถูก หรือ ถูกทุกอย่างที่คุณซื้อ ประมาณนี้ จะช่วยเรียกคนให้คลิกได้มาก
ส่วนการเขียนโฆษณาแบบ Niche นั้น ก็ควรจะมี ยี่ห้อ หรือมีชื่อแบรนด์ของสินค้าที่เราทำโฆษณาใส่ลงไปด้วย รวมทั้งมีการเขียน Display URL เป็น directory ต่างตามประเภทสินค้า เช่น amazon.com/music เป็นต้น ก็จะช่วยให้ข้อความโฆษณาดูน่าสนใจมากขึ้น
6. ดูรายการสินค้าขายดีจากแบบ Mass มาแยกทำโฆษณาแบบ Niche
อย่าลืมว่าทาง Amazon จะแสดงรายการสินค้าที่เราขายได้ขึ้นมาใน Earning Report และ Order Report ด้วย ดังนั้นเมื่อเราทำโฆษณาแบบ Mass ที่มีคนซื้อสินค้าเยอะๆ เราอาจจะเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น เพื่อดูว่า คนซื้อสินค้าอะไรมากเป็นพิเศษ จากนั้นก็ให้ลองทำโฆษณาสินค้ารุ่นนั้น ยี่ห้อนั้นแบบ Niche ดูครับ
7. Bid ต่ำๆในการโฆษณาแบบ Mass
การโฆษณาแบบ Mass นั้น จะมีคนซื้อสินค้ามากก็จริงอยู่ แต่ว่าสินค้าที่คนซื้อส่วนใหญ่ จะเป็นสินค้าที่มีราคาค่อนข้างถูก ทำให้ค่าคอมมิสชั่นเราก็น้อยไปด้วย ดังนั้นถ้าหากเป็นไปได้ ควรจะทำโฆษณาเฉพาะใน Mass Keywords ที่มีราคาถูกๆ (ไม่ควรเกิน $0.3) ก็จะทำให้เรามีโอกาสได้กำไรมากขึ้น
และสิ่งสุดท้ายที่ต้องการฝากไว้คือ อย่าลืมทำการวัดผลโฆษณาควบคู่กันไปด้วยเสมอ เพราะนั่นจะเป็นหนทางที่ทำให้เรา สามารถปรับปรุงโฆษณาให้ดีขึ้น ให้สามารถทำกำไรกลับมาได้ในอนาคตครับ
-
บทความโดย ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์
ผู้แต่งหนังสือ Google Make Me Rich และคอลัมนิสต์ของ FF Magazine
โดย ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์
http://www.trawut.com-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
ในการทำโฆษณาสินค้าใน Amazon นั้น เราทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า สามารถแบ่งวิธีการทำโฆษณา/ หา Keywords ออกได้เป็น 2 แบบ ก็คือ
1. โฆษณาแบบ Mass คือ การทำโฆษณาตัวเว็บไซต์ Amazon.com เลย เพื่อให้คนเข้ามาซื้อสินค้ากันในเว็บไซต์ จะเป็นสินค้าอะไร ยี่ห้ออะไรก็ได้ ซึ่ง Keywords ที่ใช้ก็เช่น online shopping, buying gift เป็นต้น ซึ่งจะเห็นว่าเป็น Keywords กลางๆ ที่เรียกให้คนเข้าเว็บไซต์มากๆ
2. โฆษณาแบบ Niche คือ การทำโฆษณาสินค้าเฉพาะบางอย่าง หรือ บางประเภทใน Amazon เพื่อให้คนที่สนใจสินค้าจริงๆ เจาะจงเข้ามาใน Amazon เพื่อซื้อสินค้าที่เราทำโฆษณาอยู่เลย ซึ่ง Keywords ที่ใช้ ก็จะเป็นประมาณ sony digital camera, Samsung hdtv เป็นต้น ซึ่งจะเห็นว่าเป็น Keywords ที่มีการะบุชื่อรุ่น หรือ ชื่อสินค้า ชัดเจนมากขึ้น
หรือสำหรับใครหลายๆคน อาจจะมีแยกแบบที่ 3 ออกมาด้วย ก็ได้คือ
3. โฆษณาแบบ Nass คือ การทำโฆษณาสินค้าชนิดต่างๆใน Amazon โดยไม่ได้มีการระบุลงลึกไปมากเท่าไหร่ เหมือนกับเน้นให้คนที่สนใจสินค้าชนิดนั้นๆ เข้ามาเลือกดูสินค้าแต่ละยี่ห้อ และตัดสินใจซื้อ สินค้าที่ดีที่สุดให้ตนเอง ซึ่ง Keywords ที่คนนำมาใช้โฆษณาแบบ Nass นี้ เช่น hdtv on sale, classic electric guitar, wedding diamond rings เป็นต้น
ซึ่งการโฆษณาแบบ Nass นี้ บางคนก็จัดให้อยู่ในประเภทเดียวกับ Mass บางคน ก็จัดอยู่ในประเภทเดียวกับ Niche แล้วแต่ใครเห็นว่าเป็นอย่างไร เพราะว่าการโฆษณาแบบ Nass นี้ ก็คล้ายกับเป็นการนำคนจำนวนมากเข้ามาในเว็บไซต์ ด้วยความสนใจในสินค้าบางอย่าง แต่หลายๆครั้ง คนที่เข้ามาก็ไม่ได้ซื้อสินค้านั้นๆ กลับไปซื้อสินค้าอื่นแทน เหมือนเป็นลูกผสมระหว่าง Mass กับ Niche นั่นเอง
(เพื่อความสะดวก ผมก็ขอพูดถึงการโฆษณาแค่ 2 ประเภทนะครับ คือ แบบ Mass กับ แบบ Niche ส่วนแบบ Nass นั้น เพื่อนๆก็ไปตัดสินใจเอาเองนะครับว่า ต้องการนำเข้าไปรวมกับแบบใด)
เวลาใดก็ตามที่มีทางเดิน 2 ทางให้เราเลือก เราจะรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า ต้องมีทางใดทางหนึ่งที่ดีกว่าอีกทาง ทำให้หลายๆคนคงเคยสงสัยว่า ตนเองควรจะทำโฆษณาแบบ Mass หรือแบบ Niche จะดีกว่ากัน อันไหนจะให้รายได้ที่ดีกว่า
คำตอบจากผมง่ายๆครับ คือ ลองทำและวัดผลดูทั้ง 2 แบบ เพราะตราบเท่าที่เรายังไม่เคยทดลองทำ เราจะไม่มีทางรู้ผลลัพธ์ได้เลยว่า อะไรดีกว่ากัน
และผมว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ขึ้นกับบุคคลอีกด้วยครับ เพราะว่า กรรมเก่าของแต่ละคนไม่เท่ากัน (ประสบการณ์ ความถนัด ความชอบ ความคุ้นเคย และอื่นๆ) ทำให้บางคนอาจจะถนัดและทำเงินจากแบบ Mass ได้มากกว่าแบบ Niche ในขณะที่บางคนทำโฆษณา Mass แทบตายไม่เคยได้เงิน แต่พอย้ายไปทำแบบ Niche ปุ๊บ ได้เงินปั๊บ
ผมก็ขอให้คำแนะนำในการเลือกโฆษณาทั้ง 2 แบบ ไว้ดังนี้ครับ
1. ถ้าหากเป็นไปได้ ควรทำโฆษณาทั้ง 2 แบบ
เพราะว่าระดับค่าคอมมิสชั่นใน Amazon จะเป็นแบบขั้นบันได ยิ่งเราขายสินค้าได้มากชิ้น ค่าคอมมิสชั่นเราก็จะเพิ่มไปด้วย เช่น เมื่อเราขายได้เกิน 630 ชิ้น เราจะได้ค่าคอมมิสชั่นถึง 8%
ดังนั้นเราควรจะทำโฆษณาแบบ Mass เพื่อให้ยอดสินค้าของเรามีมากๆในแต่ละเดือน เพื่อให้ค่าคอมมิสชั่นที่เราได้จากการทำโฆษณาแบบ Niche นั้น เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยกัน ก็จะเป็นวิธีการสร้างรายได้เพิ่มให้กับเราโดยอัตโนมัติครับ
2. โฆษณาแบบ Niche เฉพาะสินค้าที่มีราคาแพงๆ
เพราะว่า ยิ่งสินค้ามีราคาแพง เราก็จะได้รับค่าคอมมิสชั่นสูงไปด้วย จะทำให้เราสามารถเพิ่มค่า bid ใน PPC ต่างๆมากขึ้นไปได้อีก ก็จะทำให้เราโฆษณาอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆได้อีกหน่อย
และที่สำคัญการโฆษณาแบบ Niche นั้น สร้างความยุ่งยากให้กับเรามากกว่าแบบ Mass เพราะเราต้องศึกษารายละเอียดของสินค้า และนำมาเขียนโฆษณาให้ดี ดังนั้น เมื่อเราจะเหนื่อยมากขึ้น ค่าตอบแทนที่ได้รับกลับมา ก็ควรจะคุ้มค่าเหนื่อยเช่นกัน
3. อย่าลืมใช้ Landing Page ที่เหมาะสมในการโฆษณาแบบ Niche
เพราะในการโฆษณาแบบ Niche เราใช้ Keywords และ Ads ที่เจาะจงมากๆ ดังนั้น เราจึงควรส่งลูกค้าทุกคนไปยังหน้าสินค้าที่เค้ากำลังค้นหาอยู่ทันที ซึ่งจะทำให้ค่า Conversion Rate ของเราสูงขึ้นได้ครับ
4. โฆษณา Mass หนักๆในช่วง Seasonal
ในช่วงหน้าเทศกาลต่างๆที่คนจำเป็นต้องซื้อของขวัญ เพื่อมอบให้กับคนอื่นๆ เช่น ช่วงปีใหม่เป็นต้น เราควรจะเร่งทำโฆษณาแบบ Mass เพราะว่า คนจำนวนมากเหล่านี้ ยังไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญดี ทำให้หลายๆคนเข้ามาเว็บไซต์ Amazon แล้ว จึงค่อยๆคิด ว่าจะไปซื้อของขวัญอะไรดี และสุดท้ายก็เลือกซื้อของบางอย่างใน Amazon ไปเป็นของขวัญนั่นเอง
5. การเขียนข้อความโฆษณา
การเขียนข้อความโฆษณาแบบ Mass คงไม่มีอะไรมาก แต่สิ่งหนึ่งที่แนะนำให้เขียนไว้เลย คือ ชื่อแบรนด์ Amazon.com รวมทั้งการเขียนว่า สามารถซื้อของได้ในราคาถูก หรือ ถูกทุกอย่างที่คุณซื้อ ประมาณนี้ จะช่วยเรียกคนให้คลิกได้มาก
ส่วนการเขียนโฆษณาแบบ Niche นั้น ก็ควรจะมี ยี่ห้อ หรือมีชื่อแบรนด์ของสินค้าที่เราทำโฆษณาใส่ลงไปด้วย รวมทั้งมีการเขียน Display URL เป็น directory ต่างตามประเภทสินค้า เช่น amazon.com/music เป็นต้น ก็จะช่วยให้ข้อความโฆษณาดูน่าสนใจมากขึ้น
6. ดูรายการสินค้าขายดีจากแบบ Mass มาแยกทำโฆษณาแบบ Niche
อย่าลืมว่าทาง Amazon จะแสดงรายการสินค้าที่เราขายได้ขึ้นมาใน Earning Report และ Order Report ด้วย ดังนั้นเมื่อเราทำโฆษณาแบบ Mass ที่มีคนซื้อสินค้าเยอะๆ เราอาจจะเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น เพื่อดูว่า คนซื้อสินค้าอะไรมากเป็นพิเศษ จากนั้นก็ให้ลองทำโฆษณาสินค้ารุ่นนั้น ยี่ห้อนั้นแบบ Niche ดูครับ
7. Bid ต่ำๆในการโฆษณาแบบ Mass
การโฆษณาแบบ Mass นั้น จะมีคนซื้อสินค้ามากก็จริงอยู่ แต่ว่าสินค้าที่คนซื้อส่วนใหญ่ จะเป็นสินค้าที่มีราคาค่อนข้างถูก ทำให้ค่าคอมมิสชั่นเราก็น้อยไปด้วย ดังนั้นถ้าหากเป็นไปได้ ควรจะทำโฆษณาเฉพาะใน Mass Keywords ที่มีราคาถูกๆ (ไม่ควรเกิน $0.3) ก็จะทำให้เรามีโอกาสได้กำไรมากขึ้น
และสิ่งสุดท้ายที่ต้องการฝากไว้คือ อย่าลืมทำการวัดผลโฆษณาควบคู่กันไปด้วยเสมอ เพราะนั่นจะเป็นหนทางที่ทำให้เรา สามารถปรับปรุงโฆษณาให้ดีขึ้น ให้สามารถทำกำไรกลับมาได้ในอนาคตครับ
-
บทความโดย ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์
ผู้แต่งหนังสือ Google Make Me Rich และคอลัมนิสต์ของ FF Magazine
Wednesday, October 31, 2007
How to index in 24 hour and no de-index!
1.โปรโมทเว็บใหม่ อย่าเพิ่งเพิ่ม BL อย่างฮวบฮาบ จะกลายเป็นเว็บที่ spam
2.ท่านว่า ให้อ้างจาก เว็บที่ Pagerank สูง นอกจากจะ index เร็ว แล้วโอกาสไปได้สวย เช่น จาก PR6 ลิงค์มาท่าน ก็จะได้รับการพิจารณา index ใน เร็วพลัน แต่ อย่างไรก็แล้วแต่ ยังสามารถมีการ de-index ได้ตลอดเวลา การเพิ่ม BL เร็ว ไม่สัมพันธ์กับจำนวนหน้าและคุณภาพของเว็บ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ควรเอาหน้าอื่น ๆของเว็บไปแขวนไว้ในเว็บโดเมนอื่นๆก่อนหลายๆหน้า แล้วก้ออยู่นิ่งๆ รอ ห้ามเพิ่ม BL อีก
3.ห้าม addURL ใน Google ให้ถอยห่าง ให้มันเก็บหน้าจากการตามลิงค์เข้ามา
4.รอจนกว่าพ้น 1 เดือน และเว็บท่านมีหน้าที่เก็บสักยี่สิบ หน้า ค่อยแตะคันเร่งเพิ่มลิงค์เข้าแบบ exponential จาก 1-10-50-150-500 อาทิตย์ละครั้งคร่าวๆนะ คราวนี้ ขึ้นกะฝีมือการ submit directory และการแขวนเว็บ ห้ามใช้โปรแกรมสำเร็จ เพราะไม่แน่นอนเป็นอย่างยิ่ง
5.ทำเว็บใหม่ ท่านว่าควรให้เว็บมีจำนวนหน้าสัก 40-50 หน้า และโปรโมทแบบลิงค์เข้าหน้าย่อยด้วย จะได้ผลดีสุด
6.โปรโมทที่ไหนบ้าง แน่นอน อย่าโดเมนเดียวให้คละเคล้ากันไป
2.ท่านว่า ให้อ้างจาก เว็บที่ Pagerank สูง นอกจากจะ index เร็ว แล้วโอกาสไปได้สวย เช่น จาก PR6 ลิงค์มาท่าน ก็จะได้รับการพิจารณา index ใน เร็วพลัน แต่ อย่างไรก็แล้วแต่ ยังสามารถมีการ de-index ได้ตลอดเวลา การเพิ่ม BL เร็ว ไม่สัมพันธ์กับจำนวนหน้าและคุณภาพของเว็บ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ควรเอาหน้าอื่น ๆของเว็บไปแขวนไว้ในเว็บโดเมนอื่นๆก่อนหลายๆหน้า แล้วก้ออยู่นิ่งๆ รอ ห้ามเพิ่ม BL อีก
3.ห้าม addURL ใน Google ให้ถอยห่าง ให้มันเก็บหน้าจากการตามลิงค์เข้ามา
4.รอจนกว่าพ้น 1 เดือน และเว็บท่านมีหน้าที่เก็บสักยี่สิบ หน้า ค่อยแตะคันเร่งเพิ่มลิงค์เข้าแบบ exponential จาก 1-10-50-150-500 อาทิตย์ละครั้งคร่าวๆนะ คราวนี้ ขึ้นกะฝีมือการ submit directory และการแขวนเว็บ ห้ามใช้โปรแกรมสำเร็จ เพราะไม่แน่นอนเป็นอย่างยิ่ง
5.ทำเว็บใหม่ ท่านว่าควรให้เว็บมีจำนวนหน้าสัก 40-50 หน้า และโปรโมทแบบลิงค์เข้าหน้าย่อยด้วย จะได้ผลดีสุด
6.โปรโมทที่ไหนบ้าง แน่นอน อย่าโดเมนเดียวให้คละเคล้ากันไป
Sunday, June 17, 2007
AdWords Quality Scores Column
สิ่งที่สำคัญมากอย่างหนึ่งในการทำโฆษณาด้วย Google AdWords ก็คือ Quality Scores ในแต่ละ Keywords ที่เราทำการโฆษณา
ยิ่งเรามี Quality Scores ดีเท่าไหร่ เท่ากับ Google มองว่าโฆษณาของเรามีคุณภาพดี สามารถโฆษณาได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ทำการค้นหาด้วย Keywords มากขึ้นเท่านั้น
และผลที่ตามาก็คือ ถ้า Keywords คำไหนของเรามี Quality Scores ดี เราก็จะประหยัดเงินค่าโฆษณาลงได้จำนวนมาก ทั้งราคา Minimum bid ที่จะถูกลง และ ราคา Actual CPC ที่ต้องจ่ายทุกครั้งที่มีคนคลิ๊กโฆษณาก็จะถูกลงตามไปด้วย (Ad Ranking = Max CPC x Quality Scores)
Google บอกความลับในการคำนวณ Quality Scores ไว้เพียงคร่าวๆว่า ประกอบด้วยปัจจัย 5 อย่างดังนี้
1. Historical data performance
2. Keyword to adtext match
3. Landing page
4. CTR
5. Other relevancy factors
ดังนั้นถ้าหากว่าเราต้องการเพิ่มค่า Quality Scores ของเราให้มากขึ้น เราก็ต้องพยายามปรับปรุงให้ปัจจัยต่างๆที่มีผลกับ Quality Scores ดีขึ้นเรื่อยๆนั่นเอง แต่ทั้งนี้ในอดีตที่ผ่านมา Google ก็จะไม่มีการแสดงค่า Quality Scores นี้ให้เราได้รับรู้กันที่ไหนเลย มีอยู่ก็แต่เพียงใน Algorithm ของ Google เท่านั้นเอง
ล่าสุดเพื่อให้ผู้ที่ลงโฆษณากับ Google AdWords สามารถวิเคราะห์คุณภาพของโฆษณาตนเองได้มากขึ้น Google จึงได้เพิ่ม Column แสดงค่า Quality Scores นี้ใน AdWords Account ของทุกคนแล้วครับ
โดย Quality Scores Column นี้จะไม่ขึ้นแสดงให้เราเห็น จนกว่าที่เราจะไปตั้งค่าให้ Column นี้ปรากฎขึ้นในหน้าจอการแสดงสถิติการโฆษณาของเราครับ ซึ่งวิธีการตั้งค่าก็ทำได้ง่ายๆดังนี้
1. login เข้าไปใน AdWords Account ของเรา
2. เข้าไปยัง Ad Group ที่เราต้องการให้แสดงค่า Quality Scores
3. เลือกที่ Customized Column
4. เลือก Quality Scores
5. กดที่ Done
เพียงเท่านี้ ค่า Quality Scores ในแต่ละ Keywords ก็จะปรากฎขึ้นมาสู่สายตาของเรา ให้เราได้รับรู้กันว่า โฆษณาใน Keyword แต่ละคำของเรานั้นมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน โดย Google จะแสดง Quality Scores ออกมาเป็น 3 สถานะ ดังนี้
1. Great
คือ โฆษณาของเรามีคุณภาพดีมากๆ Google จะตั้งค่า Minimum Bid ของเราไว้ต่ำมาก ประมาณ $0.01 - $0.05 และเมื่อทำโฆษณาไปสักพักค่า CTR ของเราก็จะสูง เพราะว่าคนจะคลิ๊กที่โฆษณาของเราค่อนข้างมาก ทำให้สุดท้ายแล้ว เราจะจ่ายค่าโฆษณาน้อยลงเรื่อยๆ
ถ้าหากว่า Keywords คำไหนของเพื่อนๆ มี Quality Scores เป็น Great เท่ากับว่า เพื่อนๆได้เปรียบคู่แข่งอีกมากมายครับ ให้ค่อยๆทำการเพิ่ม CTR ขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้โฆษณาของเราแสดงได้ตลอดไปครับ
2. OK
คือ โฆษณาของเรามีคุณภาพปานกลาง Google จะตั้งค่า Minimum Bid ไว้สูงขึ้นมาอีกหน่อย ประมาณ $0.1 - $0.5 ซึ่งถ้าหากว่า เราทำการโฆษณาไปสักพัก และโฆษณาของเรามี CTR สูงๆ ทาง Google ก็จะทำการลดค่า Minimum Bid ของเราให้เอง พร้อมกับอาจจะเปลี่ยนสถานะไปเป็น Great ได้
แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากโฆษณาของเรามี CTR ต่ำ Google ก็อาจจะเปลี่ยนสถานะไปเป็น Poor พร้อมกับขึ้นราคา Minimum Bid ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นสำหรับ Keyword ที่มีสถานะเป็น OK นี้ เมื่อทำการโฆษณาไปแล้ว เราควรรีบหาทางเพิ่ม CTR ของโฆษณาให้เร็วที่สุดครับ
3. Poor
คือ โฆษณาของเรามีคุณภาพแย่ และควรจะทำการปรับปรุงโฆษณาโดยด่วน เพราะว่า Google จะตั้งค่า Minimum Bid ใน Keyword นี้ไว้สูงมากกว่าที่เราจำเป็นจะต้องจ่าย (ถ้าหากเราทำให้โฆษณาของเรามีคุณภาพดีพอ) โดย Google จะตั้งราคาไว้ประมาณ $1, $5 และ $10 ครับ
แม้ว่าค่า Quality Scores ที่ได้รับจาก Google นี้จะเป็นเพียงแค่ค่าประมาณ แต่ถ้าเรานำมาวิเคราะห์และประยุกต์ใช้ให้ดีๆแล้ว ผมเชื่อว่า น่าจะทำให้เราพัฒนาคุณภาพโฆษณาของเราให้ดีขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับที่ค่าโฆษณาของเราก็จะน้อยลงเรื่อยๆได้ครับ
สุดท้ายผมก็ขอให้โฆษณาของเพื่อนๆมีสถานะ Quality Scores เป็น Great กันทุกคนนะครับ
–
บทความโดย ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์
ผู้แต่งหนังสือ Google Make Me Rich และคอลัมนิสต์ของนิตยสาร
Financial Freedom
-=-=-==-=-=-=-==-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
เรียนลัดวิธีการทำโฆษณาด้วย Google Adwords
อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ได้ที่บ้านของคุณ
=> http://www.AdWords-eClass.com
-=-=-==-=-=-=-==-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
<——- จบบทความ ———->
ต้นฉบับ : http://trawut.com/adwords-quality-scores-column/2007/03/02/
ยิ่งเรามี Quality Scores ดีเท่าไหร่ เท่ากับ Google มองว่าโฆษณาของเรามีคุณภาพดี สามารถโฆษณาได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ทำการค้นหาด้วย Keywords มากขึ้นเท่านั้น
และผลที่ตามาก็คือ ถ้า Keywords คำไหนของเรามี Quality Scores ดี เราก็จะประหยัดเงินค่าโฆษณาลงได้จำนวนมาก ทั้งราคา Minimum bid ที่จะถูกลง และ ราคา Actual CPC ที่ต้องจ่ายทุกครั้งที่มีคนคลิ๊กโฆษณาก็จะถูกลงตามไปด้วย (Ad Ranking = Max CPC x Quality Scores)
Google บอกความลับในการคำนวณ Quality Scores ไว้เพียงคร่าวๆว่า ประกอบด้วยปัจจัย 5 อย่างดังนี้
1. Historical data performance
2. Keyword to adtext match
3. Landing page
4. CTR
5. Other relevancy factors
ดังนั้นถ้าหากว่าเราต้องการเพิ่มค่า Quality Scores ของเราให้มากขึ้น เราก็ต้องพยายามปรับปรุงให้ปัจจัยต่างๆที่มีผลกับ Quality Scores ดีขึ้นเรื่อยๆนั่นเอง แต่ทั้งนี้ในอดีตที่ผ่านมา Google ก็จะไม่มีการแสดงค่า Quality Scores นี้ให้เราได้รับรู้กันที่ไหนเลย มีอยู่ก็แต่เพียงใน Algorithm ของ Google เท่านั้นเอง
ล่าสุดเพื่อให้ผู้ที่ลงโฆษณากับ Google AdWords สามารถวิเคราะห์คุณภาพของโฆษณาตนเองได้มากขึ้น Google จึงได้เพิ่ม Column แสดงค่า Quality Scores นี้ใน AdWords Account ของทุกคนแล้วครับ
โดย Quality Scores Column นี้จะไม่ขึ้นแสดงให้เราเห็น จนกว่าที่เราจะไปตั้งค่าให้ Column นี้ปรากฎขึ้นในหน้าจอการแสดงสถิติการโฆษณาของเราครับ ซึ่งวิธีการตั้งค่าก็ทำได้ง่ายๆดังนี้
1. login เข้าไปใน AdWords Account ของเรา
2. เข้าไปยัง Ad Group ที่เราต้องการให้แสดงค่า Quality Scores
3. เลือกที่ Customized Column
4. เลือก Quality Scores
5. กดที่ Done
เพียงเท่านี้ ค่า Quality Scores ในแต่ละ Keywords ก็จะปรากฎขึ้นมาสู่สายตาของเรา ให้เราได้รับรู้กันว่า โฆษณาใน Keyword แต่ละคำของเรานั้นมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน โดย Google จะแสดง Quality Scores ออกมาเป็น 3 สถานะ ดังนี้
1. Great
คือ โฆษณาของเรามีคุณภาพดีมากๆ Google จะตั้งค่า Minimum Bid ของเราไว้ต่ำมาก ประมาณ $0.01 - $0.05 และเมื่อทำโฆษณาไปสักพักค่า CTR ของเราก็จะสูง เพราะว่าคนจะคลิ๊กที่โฆษณาของเราค่อนข้างมาก ทำให้สุดท้ายแล้ว เราจะจ่ายค่าโฆษณาน้อยลงเรื่อยๆ
ถ้าหากว่า Keywords คำไหนของเพื่อนๆ มี Quality Scores เป็น Great เท่ากับว่า เพื่อนๆได้เปรียบคู่แข่งอีกมากมายครับ ให้ค่อยๆทำการเพิ่ม CTR ขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้โฆษณาของเราแสดงได้ตลอดไปครับ
2. OK
คือ โฆษณาของเรามีคุณภาพปานกลาง Google จะตั้งค่า Minimum Bid ไว้สูงขึ้นมาอีกหน่อย ประมาณ $0.1 - $0.5 ซึ่งถ้าหากว่า เราทำการโฆษณาไปสักพัก และโฆษณาของเรามี CTR สูงๆ ทาง Google ก็จะทำการลดค่า Minimum Bid ของเราให้เอง พร้อมกับอาจจะเปลี่ยนสถานะไปเป็น Great ได้
แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากโฆษณาของเรามี CTR ต่ำ Google ก็อาจจะเปลี่ยนสถานะไปเป็น Poor พร้อมกับขึ้นราคา Minimum Bid ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นสำหรับ Keyword ที่มีสถานะเป็น OK นี้ เมื่อทำการโฆษณาไปแล้ว เราควรรีบหาทางเพิ่ม CTR ของโฆษณาให้เร็วที่สุดครับ
3. Poor
คือ โฆษณาของเรามีคุณภาพแย่ และควรจะทำการปรับปรุงโฆษณาโดยด่วน เพราะว่า Google จะตั้งค่า Minimum Bid ใน Keyword นี้ไว้สูงมากกว่าที่เราจำเป็นจะต้องจ่าย (ถ้าหากเราทำให้โฆษณาของเรามีคุณภาพดีพอ) โดย Google จะตั้งราคาไว้ประมาณ $1, $5 และ $10 ครับ
แม้ว่าค่า Quality Scores ที่ได้รับจาก Google นี้จะเป็นเพียงแค่ค่าประมาณ แต่ถ้าเรานำมาวิเคราะห์และประยุกต์ใช้ให้ดีๆแล้ว ผมเชื่อว่า น่าจะทำให้เราพัฒนาคุณภาพโฆษณาของเราให้ดีขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับที่ค่าโฆษณาของเราก็จะน้อยลงเรื่อยๆได้ครับ
สุดท้ายผมก็ขอให้โฆษณาของเพื่อนๆมีสถานะ Quality Scores เป็น Great กันทุกคนนะครับ
–
บทความโดย ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์
ผู้แต่งหนังสือ Google Make Me Rich และคอลัมนิสต์ของนิตยสาร
Financial Freedom
-=-=-==-=-=-=-==-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
เรียนลัดวิธีการทำโฆษณาด้วย Google Adwords
อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ได้ที่บ้านของคุณ
=> http://www.AdWords-eClass.com
-=-=-==-=-=-=-==-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
<——- จบบทความ ———->
ต้นฉบับ : http://trawut.com/adwords-quality-scores-column/2007/03/02/
Sunday, May 20, 2007
AAA
AAA : Adword for adsense + Affiliate
เฮ้อ คงต้องถอนหายใจยาวๆ หลังจากค้นพบวิธีการใหม่ในการเงินอยู่ไม่ถึงเดือน
เริ่มไปแล้ว ด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง เหมือนกันว่าจะโดนแบนหรือเปล่า
แต่ Board ไทยเสียว เค้าก็ทำกันได้เงิน มาหลายงวดแล้ว
ตกลงใจกับตัวเองว่า เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน ได้เงินอยู่ใน account ประมาณ 500$
อยู่ๆ เมื่อ 2-3 วันก่อน ก็มีข่าวว่า เค้าห้ามทำแล้ว ไอ้เนี่ย AAA
แต่ก็มีบางคนที่เนื้อหาเว็บเน้นไปทางด้าน Affiliate มากหน่อย ก็ยังรอดปลอดภัย
ใครที่เนื้อหา เน้น Adsense โจ่งครึ่ม ก็โดนสอยไปตามระเบียบ
แต่สอยหนนี้ยังมีเมตตา ยังจะให้เงินทุกบาททุกสตางค์ ใน account คืน
ขอบคุณที่ยังเอื้อเฟื้อ คิดในทางดีก็ดี คือ กำจัด cyber ขยะ
คิดในทางร้าย ก็คือ ข้าพเจ้าหมดหนทางทำมาหากินไปอีกหนึ่ง
แต่ที่แน่ๆ เอา adsense ออกจาก blog ไปก่อนแล้ว กลัวโดนสอยเหมือนกัน
ขอตั้งสติก่อน ว่าจะเอายังไง ....
เพราะกำลังหาเส้นทางได้เหมือนกัน
แต่ทำ Adsense ไม่สนุกเลยขอบอก กังวลตลอด ยิ่งทำผ่าน adword นะ
คือเราเสียตังค์ด้วยไง ถ้าแบนเรา ก็เงินสูญ...
พอเอา adsense ออกจาก blog ได้ ก็นอนหลับสบาย....
แต่สัญญาว่าจะกลับมา เมื่อเรื่องทุกอย่างผ่านพ้นไปแล้ว ตอนนี้ไปตั้งใจขายของก่อนดีกว่า อิอิ
โชคดีนะคะ ขอให้ Account Adsense อยู่รอดปลอดภัยจ้า
เพิ่มเติม http://www.thaiseoboard.com/index.php?topic=10030.0
เฮ้อ คงต้องถอนหายใจยาวๆ หลังจากค้นพบวิธีการใหม่ในการเงินอยู่ไม่ถึงเดือน
เริ่มไปแล้ว ด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง เหมือนกันว่าจะโดนแบนหรือเปล่า
แต่ Board ไทยเสียว เค้าก็ทำกันได้เงิน มาหลายงวดแล้ว
ตกลงใจกับตัวเองว่า เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน ได้เงินอยู่ใน account ประมาณ 500$
อยู่ๆ เมื่อ 2-3 วันก่อน ก็มีข่าวว่า เค้าห้ามทำแล้ว ไอ้เนี่ย AAA
แต่ก็มีบางคนที่เนื้อหาเว็บเน้นไปทางด้าน Affiliate มากหน่อย ก็ยังรอดปลอดภัย
ใครที่เนื้อหา เน้น Adsense โจ่งครึ่ม ก็โดนสอยไปตามระเบียบ
แต่สอยหนนี้ยังมีเมตตา ยังจะให้เงินทุกบาททุกสตางค์ ใน account คืน
ขอบคุณที่ยังเอื้อเฟื้อ คิดในทางดีก็ดี คือ กำจัด cyber ขยะ
คิดในทางร้าย ก็คือ ข้าพเจ้าหมดหนทางทำมาหากินไปอีกหนึ่ง
แต่ที่แน่ๆ เอา adsense ออกจาก blog ไปก่อนแล้ว กลัวโดนสอยเหมือนกัน
ขอตั้งสติก่อน ว่าจะเอายังไง ....
เพราะกำลังหาเส้นทางได้เหมือนกัน
แต่ทำ Adsense ไม่สนุกเลยขอบอก กังวลตลอด ยิ่งทำผ่าน adword นะ
คือเราเสียตังค์ด้วยไง ถ้าแบนเรา ก็เงินสูญ...
พอเอา adsense ออกจาก blog ได้ ก็นอนหลับสบาย....
แต่สัญญาว่าจะกลับมา เมื่อเรื่องทุกอย่างผ่านพ้นไปแล้ว ตอนนี้ไปตั้งใจขายของก่อนดีกว่า อิอิ
โชคดีนะคะ ขอให้ Account Adsense อยู่รอดปลอดภัยจ้า
เพิ่มเติม http://www.thaiseoboard.com/index.php?topic=10030.0
Saturday, May 12, 2007
Friday, May 11, 2007
Invalid Click.
โรคยอดฮิต ของคนทำ Adsense
และแล้ววันนี้ เราก็โดนโรคนี้เล่นงาน ดีที่ติด adlogger เอาไว้ monitor ดูอยู่
คนโรคจิตประเภทนี้ ก็มีด้วย กระหน่ำคลิกเข้ามา 16 ครั้งใน 1 ชม.
แรกๆก็มองดูอยู่ว่าจะแจ้งหรือไม่แจ้ง google ดี สุดท้ายก็ตัดสินใจ แจ้งไปแล้ว
เพื่อความปลอดภัย เพราะลงทุนไปกับมันเยอะแล้ว
การแจ้ง google ทำได้ดังนี้ค่ะ
1. ไปที่ https://www.google.com/adsense/support/bin/request.py
2. เลือกปุ่มเรดิโอ "Invalid Clicks or Unusual Account Activity" และตามด้วย "Reporting unusual activity on my account" หรือหัวข้ออื่นแล้วแต่ลักษณะที่ต้องการแจ้ง เข้าไปแล้วกรอกข้อมูลให้เรียบร้อย เนื่องจากเป็นแบบฟอร์ม จึงกรอกเฉพาะข้อมูลสั้นๆ กระชับ ไม่จำเป็นต้องเขียนจดหมายยาวๆ
3. กรอกข้อมูล ตามที่เขามีแบบฟอร์มไว้ให้ พร้อมทั้ง copy รายงานที่เราผิดสังเกตุ
IP ที่ตรวจได้วันนี้ มาจาก ซาอุดีอาระเบีย
เราว่า มันมีทุกประเทศแหละน่ะ คนประเภทนี้ ไหนๆก็จะทำมาหากินทางนี้ แล้วก็ระแวดระวังกันนะเพื่อนๆ ก่อนที่เงินจะสูญ....
และแล้ววันนี้ เราก็โดนโรคนี้เล่นงาน ดีที่ติด adlogger เอาไว้ monitor ดูอยู่
คนโรคจิตประเภทนี้ ก็มีด้วย กระหน่ำคลิกเข้ามา 16 ครั้งใน 1 ชม.
แรกๆก็มองดูอยู่ว่าจะแจ้งหรือไม่แจ้ง google ดี สุดท้ายก็ตัดสินใจ แจ้งไปแล้ว
เพื่อความปลอดภัย เพราะลงทุนไปกับมันเยอะแล้ว
การแจ้ง google ทำได้ดังนี้ค่ะ
1. ไปที่ https://www.google.com/adsense/support/bin/request.py
2. เลือกปุ่มเรดิโอ "Invalid Clicks or Unusual Account Activity" และตามด้วย "Reporting unusual activity on my account" หรือหัวข้ออื่นแล้วแต่ลักษณะที่ต้องการแจ้ง เข้าไปแล้วกรอกข้อมูลให้เรียบร้อย เนื่องจากเป็นแบบฟอร์ม จึงกรอกเฉพาะข้อมูลสั้นๆ กระชับ ไม่จำเป็นต้องเขียนจดหมายยาวๆ
3. กรอกข้อมูล ตามที่เขามีแบบฟอร์มไว้ให้ พร้อมทั้ง copy รายงานที่เราผิดสังเกตุ
IP ที่ตรวจได้วันนี้ มาจาก ซาอุดีอาระเบีย
เราว่า มันมีทุกประเทศแหละน่ะ คนประเภทนี้ ไหนๆก็จะทำมาหากินทางนี้ แล้วก็ระแวดระวังกันนะเพื่อนๆ ก่อนที่เงินจะสูญ....
Wednesday, April 25, 2007
Direct Deposit form Amazon
วันนี้ ดีใจสุดๆ ได้รับเงินครั้งแรกจากการทำ Affiliate Marketing กับ Amazon
ตอนแรกที่ทำ ก็รอรับเป็นเช็คเหมือนที่ทำกับบริษัทอื่นๆ ซึ่งต้องรอนานมาก กว่า เช็คจะมา กว่าเงินจะเข้า
ที่นี้คุณ rainbows ได้แนะนำวิธีรับเงินแบบ Direct Deposit
ก็ทำตามขั้นตอนที่แนะนำไปแล้ว และก็รอลุ้นเงินเข้าเดือนนี้ และแล้ววันนี้ เราก็ได้รับเงินแล้ว
เร็วมากๆ ยืนยัน แต่เสียค่าธรรมเนียม ไป 5$ อ่ะ
สำหรับเพื่อนๆที่ทำ Amazon แล้วสนใจการรับเงินแบบ Direct Deposit ก็ทำตามขั้นตอนนี้ได้เลยนะคะ
1. เปิดบัญชีกับ Bank กรุงเทพฯ สาขาไหนก็ได้ จะเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ
2. Log in เข้า Amazon -> Your account -> Change Your payment method
3. เลือก "Pay me by direct deposit" แล้วกด Edit
4. ในช่อง Bank name ให้ใส่ BANGKOK BANK
Bank Account Type เลือกเป็น Savings
Bank Account Number : ใส่หมายเลขบัญชีธนาคารในไทยของคุณ
Routing Number : ให้ใส่ 026008691
แล้วกด Save change
5. ไปที่หน้าจอหลักของ Change Your payment method แล้วกดปุ่ม Save change อีกครั้งหนึ่งเป็นอันเรียบร้อย
รอรับเงินได้เลยค่ะ
ขอขอบคุณ http://forums.sem.or.th/ แหล่งให้ความรู้ชั้นดี
และขอบคุณอย่างที่สุด rainbows
ตอนแรกที่ทำ ก็รอรับเป็นเช็คเหมือนที่ทำกับบริษัทอื่นๆ ซึ่งต้องรอนานมาก กว่า เช็คจะมา กว่าเงินจะเข้า
ที่นี้คุณ rainbows ได้แนะนำวิธีรับเงินแบบ Direct Deposit
ก็ทำตามขั้นตอนที่แนะนำไปแล้ว และก็รอลุ้นเงินเข้าเดือนนี้ และแล้ววันนี้ เราก็ได้รับเงินแล้ว
เร็วมากๆ ยืนยัน แต่เสียค่าธรรมเนียม ไป 5$ อ่ะ
สำหรับเพื่อนๆที่ทำ Amazon แล้วสนใจการรับเงินแบบ Direct Deposit ก็ทำตามขั้นตอนนี้ได้เลยนะคะ
1. เปิดบัญชีกับ Bank กรุงเทพฯ สาขาไหนก็ได้ จะเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ
2. Log in เข้า Amazon -> Your account -> Change Your payment method
3. เลือก "Pay me by direct deposit" แล้วกด Edit
4. ในช่อง Bank name ให้ใส่ BANGKOK BANK
Bank Account Type เลือกเป็น Savings
Bank Account Number : ใส่หมายเลขบัญชีธนาคารในไทยของคุณ
Routing Number : ให้ใส่ 026008691
แล้วกด Save change
5. ไปที่หน้าจอหลักของ Change Your payment method แล้วกดปุ่ม Save change อีกครั้งหนึ่งเป็นอันเรียบร้อย
รอรับเงินได้เลยค่ะ
ขอขอบคุณ http://forums.sem.or.th/ แหล่งให้ความรู้ชั้นดี
และขอบคุณอย่างที่สุด rainbows
Friday, April 20, 2007
Adsense Notifier
Adsense Notifier - Firefox Extension
"Displays your adsense earnings on the statusbar"
Adsense Notifier คืออะไร?
เป็นโปรแกรมเสริมตัวหนึ่งของ Firefox (ต้องทำงานร่วมกับ Firefox เท่านั้น)
Download ได้ตาม Link ที่ให้มานะคะ
่ส่วนวิธีการใช้งาน หลังจาก Download มาได้แล้วทำตามดังนี้ค่ะ
1. เปิด Firefox -> Tool -> Extension
ตามภาพค่ะ
2. Firefox จะเปิดหน้าต่างเล็กขึ้นมาให้ ตามภาพค่ะ (สมมติว่าภาพนี้ ชื่อ Adsenseนะคะ)
3. Drag & Drop ไฟล์มาวางไว้ที่หน้าจอ Extension ได้เลยค่ะ
ถ้าสำเร็จแล้ว จะปรากฎโปรแกรมขึ้นมาที่หน้าจอ ตามภาพ Adsense ค่ะ
4. ปิด Firefox แล้วเปิดเข้ามาใหม่
5. Firefox -> Tool -> Extension
6. click ขวาที่โปรแกรม เลือก option
7. กรอก ชื่อ - รหัสผ่านของ adsense ถ้าอยากจะ optimize ก็ตามสบายนะคะ
8. คราวนี้ ก็สามารถเห็น Stat ของ Adsense ได้ Real Time แล้วล่ะคะ
หมายเหตุ : เห็นประโยชน์ของ FireFox แล้วจะลอง download เอาไปใช้งานก็ได้เลยนะคะ ปุ่มอยู่ด้านขวามือค่ะ
"Displays your adsense earnings on the statusbar"
Adsense Notifier คืออะไร?
เป็นโปรแกรมเสริมตัวหนึ่งของ Firefox (ต้องทำงานร่วมกับ Firefox เท่านั้น)
Download ได้ตาม Link ที่ให้มานะคะ
่ส่วนวิธีการใช้งาน หลังจาก Download มาได้แล้วทำตามดังนี้ค่ะ
1. เปิด Firefox -> Tool -> Extension
ตามภาพค่ะ
2. Firefox จะเปิดหน้าต่างเล็กขึ้นมาให้ ตามภาพค่ะ (สมมติว่าภาพนี้ ชื่อ Adsenseนะคะ)
3. Drag & Drop ไฟล์มาวางไว้ที่หน้าจอ Extension ได้เลยค่ะ
ถ้าสำเร็จแล้ว จะปรากฎโปรแกรมขึ้นมาที่หน้าจอ ตามภาพ Adsense ค่ะ
4. ปิด Firefox แล้วเปิดเข้ามาใหม่
5. Firefox -> Tool -> Extension
6. click ขวาที่โปรแกรม เลือก option
7. กรอก ชื่อ - รหัสผ่านของ adsense ถ้าอยากจะ optimize ก็ตามสบายนะคะ
8. คราวนี้ ก็สามารถเห็น Stat ของ Adsense ได้ Real Time แล้วล่ะคะ
หมายเหตุ : เห็นประโยชน์ของ FireFox แล้วจะลอง download เอาไปใช้งานก็ได้เลยนะคะ ปุ่มอยู่ด้านขวามือค่ะ
Tuesday, April 17, 2007
Image Background In Header
วันก่อน post ใส่ภาพใน Header ไว้ ลองทำกันดูหรือยังคะ ตามตัวอย่างนี้ Sample
วันนี้ จะให้ทำภาพที่ Header ให้เป็น Background ตามตัวอย่างนี้ Sample1
ไม่มีอะไรยุ่งยาก (มีคำเตือนนิดนึงว่า ถ้ายังไม่เก่ง Code Html เท่าไหร่ ให้สร้าง Blog ใหม่นะคะ)
1. Log in เข้าสู่ Blogger นะคะ
2. ไปที่ Tab Template -> Edit Html
3. หา Code ตามภาพค่ะ
4. เพิ่ม Code background: url(URL of photo);
ให้เป็นดังภาพ
5. แค่นี้ ก็มีภาพที่ Header เป็น background ตามตัวอย่างแล้ว Sample1
วันนี้ จะให้ทำภาพที่ Header ให้เป็น Background ตามตัวอย่างนี้ Sample1
ไม่มีอะไรยุ่งยาก (มีคำเตือนนิดนึงว่า ถ้ายังไม่เก่ง Code Html เท่าไหร่ ให้สร้าง Blog ใหม่นะคะ)
1. Log in เข้าสู่ Blogger นะคะ
2. ไปที่ Tab Template -> Edit Html
3. หา Code ตามภาพค่ะ
4. เพิ่ม Code background: url(URL of photo);
ให้เป็นดังภาพ
5. แค่นี้ ก็มีภาพที่ Header เป็น background ตามตัวอย่างแล้ว Sample1
Sunday, April 15, 2007
Insert Image In Header
หลังจากตระเวนเที่ยวไปตาม Blog ต่างๆเป็นเวลานาน
ได้ความรู้อะไรมาพอสมควร ถึงคราวต้องแบ่งปันกันบ้างแล้ว
อาจจะไม่มากมาย แต่ก็พอเอาไปตกแต่ง Blog ได้
เริ่มกันเลยนะคะ
วันนี้ เราจะนำภาพไปใส่ ใน Header กัน ตามตัวอย่างนี้
Sample
ขั้นตอน
สมมติว่า คุณได้ log in เรียบร้อยแล้ว
1. ไปที่ Tab Layout จะสังเกตเห็นว่า ปุ่ม Add Page Element มีเฉพาะด้านข้างและด้านล่าง เราจะทำการ เพิ่มปุ่มนี้ให้อยู่ด้านบน Header กัน
2. ไปที่ Tab Layout -> Edit Html
3. หา Code Html นี้ค่ะ
4. เปลี่ยน Code จาก maxwidgets='1' to maxwidgets='4' และ showaddelement='no' to showaddelement='yes'เท่านี้ล่ะ
5. กดปุ่ม SAVE TEMPLATE แล้ว click PAGE ELEMENT tab -> LAYOUT. คุณจะพบ ปุ่ม "Add a Page Element" อยู่ด้านบน Header
6. จะใ่ส่ภาพ ใส่ Code Adsense ก็ตามสบายเลยค่ะ ทีนี้
Special Thanks
http://blogger-tricks.blogspot.com/
ได้ความรู้อะไรมาพอสมควร ถึงคราวต้องแบ่งปันกันบ้างแล้ว
อาจจะไม่มากมาย แต่ก็พอเอาไปตกแต่ง Blog ได้
เริ่มกันเลยนะคะ
วันนี้ เราจะนำภาพไปใส่ ใน Header กัน ตามตัวอย่างนี้
Sample
ขั้นตอน
สมมติว่า คุณได้ log in เรียบร้อยแล้ว
1. ไปที่ Tab Layout จะสังเกตเห็นว่า ปุ่ม Add Page Element มีเฉพาะด้านข้างและด้านล่าง เราจะทำการ เพิ่มปุ่มนี้ให้อยู่ด้านบน Header กัน
2. ไปที่ Tab Layout -> Edit Html
3. หา Code Html นี้ค่ะ
4. เปลี่ยน Code จาก maxwidgets='1' to maxwidgets='4' และ showaddelement='no' to showaddelement='yes'เท่านี้ล่ะ
5. กดปุ่ม SAVE TEMPLATE แล้ว click PAGE ELEMENT tab -> LAYOUT. คุณจะพบ ปุ่ม "Add a Page Element" อยู่ด้านบน Header
6. จะใ่ส่ภาพ ใส่ Code Adsense ก็ตามสบายเลยค่ะ ทีนี้
Special Thanks
http://blogger-tricks.blogspot.com/
Subscribe to:
Posts (Atom)